วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
เซ็งจิต......ใครช่วยที
ในการดำเนินชีวิตของเราบางครั้งย่อมพบเจอกับอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวาง ซึ่งมักจะเข้ามารบกวนจิตใจของเราอยู่บ่อยๆ ในสภาวะนั้นเราจะมีความทุกข์ จิตตก เกิดอาการ "เซ็ง" ไม่อยากจะทำอะไร ซึ่งความเซ็งนี้มีหลายระดับ ถ้าหนักสักหน่อยจะเกิดรู้สึกเจ็บปวด เบื่อหน่าย สูญสิ้นไปซึ่งความหวังและกำลังใจ หมดพลังจนอาจเกิดอาการเข่าอ่อน หน้ามืด หรือปวดศีรษะแบบไม่มีสาเหตุ ถ้าอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับบุคคลที่มีสุขภาพจิตปกติไปถึงดี บุคคลนั้นก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และเผชิญหน้ากับปัญหา พยายามหาวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง และกลับมาทำหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบได้ ในบุคคลบางกลุ่มที่มีอัตมโนทัศน์ (Self Concept) ต่อตนเองในด้านลบ จะเกิดปัญหาอย่างมากในการจัดการกับความคิดของตนเอง จะเกิดความทุกข์ ซึ่งส่งผลให้กระอักกระอ่วน มีความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล เกิดความคับข้องใจจนทำให้ควบคุมตนเองไม่ได้ เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต จนถึงขั้นขนาดคิดทำร้ายตนเองก็เป็นได้.....การตั้งสติและเผชิญกับปัญหาน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ตัวเราเองต้องพยายามสังเกตอาการของตนเอง บางคนอาจจะต้องมีที่ปรึกษาที่คอยรับฟัง และให้กำลังใจ บางคนอาจจะใช้วิธีการอยู่กับตัวเอง อ่านหนังสือ และทำสมาธิ ต้องทำใจยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง........สิ่งสำคัญคือจิตใจของเราต้องเติมเต็มให้สมบูรณ์ เปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นไปในทางบวกและมีความพอใจในแบบฉบับของแต่ละคน
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555
รู้รัก...รู้สอน เด็กพิเศษ
อาชีพ "ครู" เป็นอาชีพที่ช่วยพัฒนาคน ซึ่งพัฒนาทั้งทางด้านความรู้และระดับของจิตใจ ด้วยบทบาทและภาระหน้าที่ ครูจึงต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับผู้เรียน ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนเป็นสิ่งที่ครูต้องทำความเข้าใจ และสอนให้ผู้เรียนหรือลูกศิษย์ได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ
ในการสอนเด็กพิเศษนั้น มีข้อจำกัดในเรื่องของระดับสติปัญญา สิ่งที่ครูพอจะทำได้คือพยายามเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ ให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุขและเป็นธรรมชาติ ซึ่ง. ดร. ศรินทร วิทยะสิรินันท์ (ครูสอนเด็กพิเศษระดับมัธยมศึกษาร.ร.นานาชาติเซนท์แอนดรู). ได้สรุปไว้ดังต่อไปนี้
1. ยอมรับเด็กตามระดับที่เขาเป็นอยู่จริงๆ. ไม่ใช่คาดหวังให้เขาทำได้เหมือนเพื่อนๆในชั้นและทำให้เราผิดหวังและโกรธเมื่อเขาไม่สามมาระทำได้อย่างที่เราคาดหวัง. การเรียนรู้ที่จะยอมรับเด็กตามความเป็นจริงเป็นการพัฒนาตนอย่างสำคัญของครูเพราะครูที่ดีควรรู้จักและทำงานกับนักเรียนของตนได้ตามระดับความสามาราก้จริงของเขา
2. ศึกษาเด็กและพิจารณาว่ามีด้านใดของเขาที่ต่างจากเพื่อนๆมากจนเราต้องรีบดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
3. ตั้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ของเขาให้สมเหตุสมผลพอที่จะเป็นได้ภายในเวลาไม่นานเกินไป
4. ย่อยงาน (ภาษาในวิชาการเขาเรียกว่า task. Analysis). หมายถึงการพิจารณาว่าสิ่งที่เราอยากให้เขาได้ทำนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง หรือมีลำดับขั้นของความสามารถอะไรบ้าง
บูรณาการชีวิต พัฒนาเด็กพิเศษ (วัยรุ่น)
ในการสอนเด็กพิเศษนั้น มีข้อจำกัดในเรื่องของระดับสติปัญญา สิ่งที่ครูพอจะทำได้คือพยายามเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ ให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุขและเป็นธรรมชาติ ซึ่ง. ดร. ศรินทร วิทยะสิรินันท์ (ครูสอนเด็กพิเศษระดับมัธยมศึกษาร.ร.นานาชาติเซนท์แอนดรู). ได้สรุปไว้ดังต่อไปนี้
1. ยอมรับเด็กตามระดับที่เขาเป็นอยู่จริงๆ. ไม่ใช่คาดหวังให้เขาทำได้เหมือนเพื่อนๆในชั้นและทำให้เราผิดหวังและโกรธเมื่อเขาไม่สามมาระทำได้อย่างที่เราคาดหวัง. การเรียนรู้ที่จะยอมรับเด็กตามความเป็นจริงเป็นการพัฒนาตนอย่างสำคัญของครูเพราะครูที่ดีควรรู้จักและทำงานกับนักเรียนของตนได้ตามระดับความสามาราก้จริงของเขา
2. ศึกษาเด็กและพิจารณาว่ามีด้านใดของเขาที่ต่างจากเพื่อนๆมากจนเราต้องรีบดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
3. ตั้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ของเขาให้สมเหตุสมผลพอที่จะเป็นได้ภายในเวลาไม่นานเกินไป
4. ย่อยงาน (ภาษาในวิชาการเขาเรียกว่า task. Analysis). หมายถึงการพิจารณาว่าสิ่งที่เราอยากให้เขาได้ทำนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง หรือมีลำดับขั้นของความสามารถอะไรบ้าง
บูรณาการชีวิต พัฒนาเด็กพิเศษ (วัยรุ่น)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)